เมนู

ม. อย่างนั้นหรือ ท่านขอรับ ?
สา. อย่างนั้นแหละ ท่านครับ บุคคลนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ยังมีอังคณกิเลสอยู่ ก็รู้ตามเป็นจริงว่า เรามีอังคณกิเลสในภายใน ข้อนี้
อันบุคคลนั้นพึงหวังได้ คือ เขาจักยังความพอใจให้เกิด จักพยายาม
จักปรารภความเพียร เพื่อละกิเลสนั้นเสีย. เขาจักเป็นผู้ไม่มีราคะ โทสะ
โมหะ ไม่มีกิเลส มีจิตไม่เศร้าหมอง ทำกาละ.

บุคคลจำพวกที่ 3


สา.

ท่านครับ ในบุคคล 4 จำพวกนั้น บุคคลใด ไม่มี
อังคณกิเลส แต่ไม่รู้ตามความเป็นจริงว่า เราไม่มีอังคณกิเลสในภายใน
ข้อที่บุคคลนั้นพึงหวังได้ คือ เขาจักมนสิการสุภนิมิต. เพราะมนสิการสุภ-
นิมิตนั้น ราคะจักครอบงำจิต (เขา). เขาจักเป็นผู้ยังมีราคะ โทสะ
โมหะ ยังมีอังคณกิเลส ยังมีจิตเศร้าหมอง ทำกาละ. เปรียบเหมือน
ถาดทองสัมฤทธิ์ที่บุคคลนำมาแต่ร้านตลาด หรือแต่สกุลช่างทอง เป็น
ของสะอาดหมดจด แต่เจ้าของไม่ใช้และไม่ขัดถาดนั้น ซ้ำเก็บไว้ในที่ที่มี
ละออง เมื่อเป็นเช่นนี้ สมัยอื่น ถาดทองสัมฤทธิ์นั้น จะพึงเป็นของ
เศร้าหมอง สนิมจับ ฉันใด.
ม. อย่างนั้นหรือ ท่านขอรับ ?
สา. อย่างนั้นแหละ ท่านครับ บุคคลนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ไม่มี
อังคณกิเลส แต่ไม่รู้ตามเป็นจริงว่า เราไม่มีอังคณกิเลสในภายใน ข้อที่
บุคคลนั้นพึงหวังได้ คือ เขาจักมนสิการสุภนิมิต เพราะมนสิการสุภนิมิต
นั้น ราคะจักครอบงำจิต ( เขา). เขาจักเป็นผู้มีราคะ โทสะ โมหะ มี
อังคณกิเลส ยังมีจิตเศร้าหมอง ทำกาละ.